นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ด่านสะเดา จ.สงขลา ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน พร้อมเร่งโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมไทย-มาเลเซีย เสริมศักยภาพเศรษฐกิจชายแดนและการค้าอาเซียน
. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี ลงพื้นที่บริเวณหลักเขตแดนที่ Bp23/9 ซึ่งเป็นจุดที่จะเปิดการเชื่อมต่อระหว่างด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของประเทศมาเลเซีย เพื่อศึกษาสถานการณ์การค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย และติดตามความคืบหน้าในการก่อสร้างถนนเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองด่าน ซึ่งจะเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ของมาเลเซียไปยังเมืองปีนัง กัวลาลัมเปอร์ และยะโฮร์บารู โดยมีนายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ
. โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดากับด่านบูกิตกายูฮิตัม ได้ดำเนินการโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาทระยะทาง 875 เมตร แบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 โครงการก่อสร้างถนนฯ ระยะทาง 575 เมตร 4 ช่องจราจร วงเงิน 63.87 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ระยะที่ 2 โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านฯ วงเงิน 28 ล้านบาท ระยะทาง 300 เมตร 6 ช่องจราจร ความกว้างหลัก 30 เมตร อยู่ระหว่างของบกลางปี 68 ระยะเวลาก่อสร้าง 6 เดือน คาดว่าแล้วเสร็จเดือนตุลาคม 2568
. นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมโยงชุมชนด่านนอกและนิคมอุตสาหกรรม ระยะทาง 1.15 กิโลเมตร วงเงิน 70 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้การเคลื่อนย้ายรถบรรทุกขนาดใหญ่สะดวกยิ่งขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขอรับงบประมาณและคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 9 เดือนในการก่อสร้าง รวมทั้งสิ้น 98 ล้านบาท ส่วนด่านปัจจุบันยังไม่ปิดทำการจนกว่าจะเสร็จสิ้นการก่อสร้างถนนเชื่อมใหม่
. ขณะที่ทางฝั่งมาเลเซีย ได้เริ่มก่อสร้างถนนเชื่อมต่อด่านบูกิตกายูฮิตัม ระยะทาง 800 เมตร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2568 ทั้งนี้ ถนนเชื่อมต่อดังกล่าวจะช่วยให้การขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศมีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น ลดความแออัดของการจราจรบริเวณด่านชายแดน และเสริมศักยภาพของด่านสะเดาในฐานะศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค
. สำหรับการพัฒนาด่านสะเดาและโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมนี้ ถือเป็นการลงทุนสำคัญที่ช่วยเสริมสร้าง เศรษฐกิจชายแดน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดอาเซียน ซึ่งจะช่วยให้การขนส่งและการค้าระหว่างไทย-มาเลเซีย รวมถึงการเชื่อมโยงกับสิงคโปร์ มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างยั่งยืน