ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา สั่งด่านตรวจทุกแห่งคุมเข้มกวดขันวินัยจราจร หลัง 3 วันแรก พบอุบัติเหตุเกิดขึ้น 22 ครั้ง บาดเจ็บ 20 คน และเสียชีวิตรวม 4 ราย ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา รุดลงพื้นที่อำเภอสะเดา ให้กำลังใจเจ้าหน้าประจำด่านตรวจ พบปัญหาหลัก คือ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าฝืนไม่สวมหมวกนิรภัย เจ้าหน้าที่ต้องเรียกตัวมาอบรมตักเตือน แต่หากพบกระทำผิดซ้ำจะดำเนินการจับปรับต่อไป
.
30 ธันวาคม 2567 ผ่านมาแล้ว 3 วัน ตั้งแต่ 27 – 30 ธันวาคม 2567 ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดสงขลา เปิดเผยข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ จังหวัดสงขลามีอุบัติเหตุสะสม รวม 22 ครั้ง บาดเจ็บ จำนวน 20 ราย และเสียชีวิต 4 ราย โดยสาเหตุอันดับต้น ๆ เกิดจากการขับรถเร็วเกินกำหนด หลับใน และทัศนวิสัยไม่ดี ประเภทรถที่เกิดเหตุสูงสุดยังคงเป็นรถจักรยานยนต์พฤติกรรมเสี่ยงอันดับ 1 คือ ไม่สวมหมวกนิรภัย
.
นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา จึงสั่งการให้ด่านตรวจทุกแห่งคุมเข้มกวดขันวินัยจราจร มอบหมายให้นายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เร่งพื้นที่อำเภอสะเดา รุดสำรวจจุดเกิดอุบัติเหตุ เร่งแก้ปัญหา หากพบสาเหตุเกิดจากข้อขัดข้องทางวิศวกรรมจราจร แต่จากการสำรวจพบว่าจุดเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณทางร่วมทางแยก บางเคสมีการขับรถตัดเลนส์กระชั้นชิด รวมถึงขับขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรโดยไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งต้องเน้นย้ำประชาชนให้เคารพกฎจราจรให้มากขึ้น
.
จากนั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ลงพื้นที่ด่านตรวจความปลอดภัยทางถนนไม้ขม หน้าป้อมศูนย์ปฏิบัติการจราจร สถานีตำรวจภูธรสะเดา (เทศบาลเมืองสะเดา) ได้มอบนโยบาย พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน มีนายวิเชษต์ สายกี้เส้ง นายอำเภอสะเดา, พ.ต.อ.สุรจิต เพชรจอม ผกก.สภ.สะเดา, นางสุนิสา รามแก้ว ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา, นายสงัด พืชพันธุ์ พัฒนาการจังหวัดสงขลา ผู้แทน ปภ.สงขลา และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
.
พ.ต.อ.สุรจิต เพชรจอม ผกก.สภ.สะเดา รายงานว่า ช่วงควบคุมเข้มข้น สภ.สะเดา ได้ปฏิบัติงานตามมาตรการ 10 รสขมอย่างเคร่งครัด แต่ปัญหาหลักของพื้นที่ คือ ประชาชนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่ ตำรวจจึงต้องบังคับใช้กฎหมายทั้งตรวจใบอนุญาตขับขี่ เรียกมาว่ากล่าวตักเตือนเบื้องต้น รวมถึงให้เข้าอบรมสร้างความตระหนักรู้ในโครงการ “จิตอาสาจราจร” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนจะปล่อยตัวไป แต่จะคีย์รายชื่อลงระบบ PTM เอาไว้...ซึ่งเป็นระบบตรวจซ้ำสำหรับผู้กระทำผิด กรณีกระทำผิดครั้งแรก แต่หากไม่ฟังและพบกระทำผิดซ้ำสอง ก็จะจับปรับในอัตราโทษสูงสุด ส่วนกรณีเมาแล้วขับ หากตรวจเจอเจ้าหน้าที่ก็จะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
.
นายวิเชษต์ สายกี้เส้ง นายอำเภอสะเดา กล่าวว่า อ.สะเดา จ.สงขลา มีพื้นที่ติดกับชายแดนไทย มาเลเซีย ถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ จึงมีรถของประชาชน นักท่องเที่ยว รวมถึงรถขนส่งสินค้าสัญจรเข้าออกเป็นจำนวนมาก โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 1-2 มกราคม 2568 ทางอำเภอได้ประสานไปยังบริษัทขนส่งเอกชนให้หยุดให้บริการขนส่งสินค้าก่อน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้การสัญจรบนถนนกาญจนวนิช เหลือเพียงรถยนต์ส่วนบุคคล และรถบัสขนส่งนักท่องเที่ยวเท่านั้น ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งมาตรการในการช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนการดูแลความปลอดภัยบนท้องถนนนั้น อำเภอสะเดาได้ประสานงานกับ สภ.สะเดา จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อสม. ชรบ.ประจำจุดตรวจ คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและการใช้รถใช้ถนนตลอด 24 ชั่วโมง
.
นายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลามีความห่วงใยพี่น้องประชาชน และขอให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในห้วง 10 วัน ของการสัญจรปลอดภัย อยากให้ปีใหม่ 2568 นี้ เป็นเทศกาลแห่งความสุขที่ครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา อย่าให้ความประมาทจากการไม่เคารพกฎจราจรมาพรากทุกอย่างไป เพราะอุบัติเหตุเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ไม่อยากให้ครอบครัวใดต้องเผชิญกับเหตุการณ์นี้ ดังนั้นขอให้ทุกคนเคารพกฎหมาย ปลอดภัยไว้ก่อน มาร่วมกันสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนไปด้วยกัน
.
นอกจากนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยังเดินทางไปเยี่ยมด่านตรวจบริเวณ หน้า สภ.คลองแงะ ในเขตเทศบาลตำบลคลองแงะ, ด่านตรวจหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลปริก, ด่านตรวจหน้าป้อม ทสปช.ตำบลสำนักขาม และด่านตรวจหน้า สภ.ปาดังเบซาร์ ในเขตเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ เพื่อมอบมอบนโยบาย พร้อมเครื่องอุปโภค บริโภค เสื้อสะท้อนแสง กระบองไฟ และอุปกรณ์สำหรับปฏิบัติหน้าที่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานด้วย