รวบ อส.เมาปืนโหด ด้านผู้ว่าฯ สงขลา สั่งออกจากราชการ พร้อมดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขณะที่ ผบช.ภ.9 เผยผู้ก่อเหตุรับสารภาพแล้ว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้ง 4 ข้อหาหนัก
.
วันที่ 23 ธันวาคม 2567 พล.ต.ท.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมด้วย นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหาดใหญ่ และ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุยิงกันในร้านข้าวต้มแห่งหนึ่ง บนถนนนวลแก้วอุทิศ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 3 ราย โดยผู้ก่อเหตุคือ นายอัครภณธ์ อายุ 50 ปี อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อำเภอหาดใหญ่ ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงนายสิทธิพงษ์ ศิริพันธ์ และนางสาวอรชร เอียดดำ ซึ่งเป็นสามีภรรยากันจนเสียชีวิต ส่วนลูกสาวอายุ 6 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ครอบครัวนี้มารับประทานอาหารเพื่อฉลองวันเกิดลูกชาย อายุ 12 ขวบ และยังใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกัน ยิงนายสุริยา สุประดิษฐ์ กุ๊กร้านข้าวต้ม กับ นางสาวภาวนา อุดทา เจ้าของร้าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเหตุเกิดจากความไม่พอใจที่พนักงานร้านเข้าไปเก็บโต๊ะ หลังเข้าใจว่าผู้ก่อเหตุรับประทานอาหารเสร็จแล้ว
.
พล.ต.ท.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้สืบสวนสอบสวนคดีอย่างละเอียด เนื่องจากเป็นเหตุที่เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อาวุธปืนยิงประชาชนในที่สาธารณะ หลังถือสุราเข้าไปในร้านอาหารแล้วสั่งอาหารนั่งรับประทานพร้อมดื่มสุรา ระหว่างนั้นก็เดินออกไปโทรศัพท์ ทำให้พนักงานในร้านเข้าใจผิดคิดว่าผู้ก่อเหตุ รับประทานเสร็จแล้วจึงเข้าไปเช็คบิล และเก็บโต๊ะ จึงทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจ จนมีปากเสียงกันกับเจ้าของร้าน จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ได้จ่ายเงินแล้วออกจากร้าน ซึ่งทุกคนคิดว่าไม่มีอะไรแล้วแต่หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที ผู้ก่อเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าร้าน เพื่อมานั่งดื่มสุราต่อ แต่เจ้าของร้านปฏิเสธ เพราะครั้งแรกได้มีการชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่พนักงานของร้านแล้ว จึงมีปากเสียงกันอีกครั้ง ส่วนนายสิทธิพงษ์ ผู้เสียชีวิต ที่พาครอบครัวมารับประทานอาหาร เมื่อเห็นเหตุการณ์ ก็เข้าไปห้ามปราม จึงทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจ แล้วเกิดเหตุดังกล่าว
.
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ติดตามคดีนี้ด้วยตนเอง เนื่องจากเป็นคดีที่อุกฉกรรจ์ จึงต้องให้สอบสวนอย่างละเอียดก่อนสรุปสำนวน เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา ข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหายิงปืนในที่สาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ถึงพยานหลักฐาน ภาพจากกล้องวงจรปิดอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เสื้อผ้าที่สวมใส่ไปก่อเหตุ และคำให้การของพยานในร้านข้าวต้ม ก็มีความชัดเจนมากพอแล้ว แต่ก็ต้องให้พนักงานสอบสวนพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เนื่องจากเป็นการกลับเข้าไปที่เกิดเหตุครั้งที่ 2 ก่อนลงมือก่อเหตุ ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ควรที่จะมีความยับยั้งชั่งใจ ระมัดระวังในการใช้อาวุธ และระงับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพ และสำนึกผิด เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรทุกภาค เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบอาวุธปืน หลังเกิดเหตุยิงกันในหลายพื้นที่
.
ทั้งนี้ ระหว่างที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า มีประชาชนที่ทราบข่าวกว่าร้อยคน พากันมาที่จุดเกิดเหตุ หวังจะเห็นหน้าผู้ต้องหาที่ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยม ขณะที่บางคนไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กและติ๊กต๊อก ต่อเนื่อง พร้อมกับบอกผู้ติดตามว่า ตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งข้อเท็จจริง ผู้ต้องหาปฏิเสธการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกรุมประชาทัณฑ์
.
ด้าน นาย โชตินรินทร์เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เผยว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นการก่อเหตุอุกฉกรรจ์ ความผิดชัดเจน จึงสั่งการให้ นายเอก ยังอภัย นายอำเภอหาดใหญ่ ไปสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เสนอคำสั่งให้ออกจากราชการ ซึ่งขณะนี้ ได้สั่งการให้ปลัดจังหวัดเตรียมคำสั่งไว้แล้ว ส่วนผู้ก่อเหตุ ได้บรรจุเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน เมื่อปี 2566 ก่อนจะมีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่จังหวัดสงขลา และย้ายกลับต้นสังกัดที่อำเภอหาดใหญ่เมื่อ 5 เดือนที่แล้ว ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นทราบว่าไม่มีสาเหตุโกรธเคืองหรือบาดหมางกับผู้เสียชีวิตมาก่อน เพียงแต่ไม่พอใจพนักงานร้านข้าวต้ม แล้วลงมือยิง อีกทั้งสถานที่เกิดเหตุอยู่ในเขตชุมชน ย่านเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
.
ที่ผ่านมา ตนได้กำชับนายอำเภอ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาอาสาสมัครรักษาดินแดนทั้ง 17 กองร้อยทั่วจังหวัด ให้ดูแลและกำกับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดและเข้มงวด สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการกระทำส่วนบุคคลที่อยู่ในอาการมึนเมา และใช้อาวุธปืนโดยไม่มีใบอนุญาตพกพา ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีนโยบายชัดเจนชัดเจนว่าไม่มีนโยบายอนุญาตให้พกพาอาวุธปืน ตนจึงได้หารือกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เพื่อจัดตั้งชุดปฏิบัติการตรวจสอบ และเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการพกพาอาวุธปืน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกในพื้นที่
.
สำหรับลูกชายของผู้เสียชีวิต ขณะนี้อยู่ความดูแลของญาติผู้ใหญ่ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า ส่วนน้องสาว อายุ 6 ขวบ ยังคงรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ในวันนี้ ญาติจะนำศพของนายสิทธิพงษ์ กับภรรยา กลับไปประกบอพิธีบำเพ็ญกุศลที่วัดในพื้นที่ตำบลป่าบอน อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นบ้านเกิดนางสาว อรชร ส่วนเด็กทั้ง 2 คน ญาติก็จะช่วยกันดูแลต่อไป